วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

ปราสาทโอซาก้า


ทัวร์ญี่ปุ่น ปราสาทโอซาก้า



ปราสาทโอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า หรือ Osaka-jo (Jo แปลว่า ปราสาท) เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเรืองอำนาจและโชคลาภของ ไดเมียวฮิเดโยชิ โทโยโตมิ

ในปี 1583 ฮิเดโยชิเริ่มการก่อสร้างปราสาทขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นวัดฮงกัน (Hongan-ji) และเมื่อเสร็จสมบูรณ์ ปราสาทแห่งนี้ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่ยอดเยี่ยมจนหาที่ใดมาเปรียบไม่ได้ในญี่ปุ่น ฮิเดโยชิใช้ที่นี่เป็นป้อมปราการและได้ชนะสงครามหลายต่อหลายครั้ง สุดท้าย การทำสงครามที่กินเวลาไปเกินกว่า 10 ปี ก็ได้รวมประเทศไว้เป็นหนึ่งเดียว

ปราสาทโอซาก้าได้ถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง เนื่องมาจากความขัดแย้ง สงคราม และภัยธรรมชาติ ในปี 1660 มีฟ้าผ่าลงมาที่คลังดินปืนและทำให้ปราสาทตกอยู่ภายใต้กองเพลิง และอีกครั้งในปี 1665 ฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างจัง ได้เผาหอคอยใหม่พังลงมาทั้งหมด ปี ค.ศ. 1868 ปราสาทโอซาก้าส่วนมากได้ถูกเผา ท่ามกลางความขัดแย้งของพลเมืองในประเทศในยุคฟื้นฟูสมัยเมจิ จากนั้นในปี 1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เกิดการโจมตีโดยระเบิดที่โอซาก้า ทำให้อาคารหลักที่สร้างขึ้นมาใหม่ได้รับความเสียหาย และต่อมาได้ถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1997 ซึ่งถูกฟื้นฟูก่อสร้างด้วยคอนกรีต
ปราสาทโอซาก้า.jpg1

ปราสาทโอซาก้าตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 1 ตารางกิเมตร และบริเวณโดยรอบปราสาทนั้นคลอบคลุมพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร (ประมาณ 15 เอเคอร์) ประกอบด้วยอาคารก่อสร้าง 13 อาคาร ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ

ปัจจุบัน ปราสาทโอซาก้ามีทั้งหมด 8 ชั้น 5 ส่วน ในตัวปราสาทโอซาก้ามีการจัดแสดงในส่วนของภาพเขียน เครื่องแต่งกายในสมัยโทโยโทมิ และยังมีภาพเสือบนกำแพงในตัวปราสาทโอซาก้าที่เคลือบด้วยทองคำมีความสวยงาม และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของญี่ปุ่นอีกด้วย
ภาพเขียนภายใรปราสาทโอซาก้า

รอบๆ ตัวปราสาทโอซาก้า มีกำแพงสูงเกือบ 30 เมตร สร้างจากก้อนหินขนาดใหญ่จากเหมืองของเมืองโอซาก้าเอง มีป้อมปราการอยู่รอบนอกตามกำแพงคูเมือง และมีประตูปราสาทขนาดใหญ่ที่สวยงาม

ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2011 สะพานโกะคุระคุบาชิ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ใช้ข้ามเข้าสู่ตัวปราสาทโอซาก้าชั้นในถูกบูรณะใหม่เสร็จสิ้นพอดี สะพานแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปมากมาย

 
ปราสาทโอซาก้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นเป็นที่หนึ่งในโอซาก้า ที่ชั้นบนสุดของปราสาท สามารถชมวิวเมืองโอซาก้าได้ทั้งเมือง และนักท่องเที่ยวยังสามารถมาเที่ยวที่นี่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะจะมีต้นไม้ที่สลับกันออกดอกโชว์สีสันความงามกันได้ตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม) จะได้ชมดอกท้อออกดอกกันอย่างสะพรั่งสวยงาม ช่วงเดือนเมษายน ดอกซากุระจะเริ่มผลิบานเต็มต้น ทั้งสีชมพูและสีขาว ส่วนฤดูร้อนก็จะได้พบกับดอกอะจิไซ ซึ่งมีสีม่วงอมฟ้าเต็มปราสาทโอซาก้า และฤดูใบไม้ร่วง จะได้พบกับสีแดงและสีส้มของต้นเมเปิ้ล ซึ่งให้ความโรแมนติกเป็นอย่างมาก
 

ปราสาทโอซาก้า.jpg2

ส่วนเทศกาลต่างๆ ที่เมืองโอซาก้าก็มีให้รื่นเริงกันทั้งปีด้วยเช่นกัน ช่วงต้นปีจะมีการแข่งขันซูโม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจมีโอกาสได้พบกับนักซูโม่ตัวจริงได้ ช่วงหน้าร้อนมีเทศกาลเท็นจิน มัตซึริ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของงานเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเทศกาล เป็นงานเทศกาลเทพเจ้า ซึ่งมีการแสดงทางน้ำและแสงสีที่เป็นสัญลักษณ์ที่สุดของโอซาก้า ในงานมีขบวนแห่ ร้องรำทำเพลง และชมดอกไม้ไฟหลายพันดอก และในช่วงใบไม้ร่วงมีเทศกาลโอซะกะโจ คิคุโนะไซเตง ซึ่งจะมีการประดับดอกเบญมาศที่สวนในปราสาทโอซาก้า นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมปราสาทโอซาก้าจะได้ซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มที่แน่นอน



Osaka-jo (Castle) is widely known as an emblem of the power and fortune of Hideyoshi Toyotomi (a Daimyo, or powerful territorial Lord). In 1583 Hideyoshi began construction on the former site of Hongan-ji (Temple), and, when completed, was reputed as being unparalleled in all of Japan. Having employed the castle as his stronghold, Hideyoshi succeeded in quelling the wars which had raged for more than a century, thereby unifying the entire nation.

The castle has been destroyed and reconstructed many times over the years, by conflicts, wars and natural disasters. In 1660 lightning ignited the gunpowder warehouse, and set the castle on fire. Again, in 1665, lightning strikes, this time burning-down the new tower. In 1868, much of the castle was burned during the civil conflicts surrounding the Meiji Restoration (a chain of events which restored Imperial rule to Japan). Then in 1945, during the World War II bombing raids of Osaka, the reconstructed main tower was damaged. In 1997 restoration was completed and the castle is now a concrete reconstruction.

Osaka-jo is situated on a plot of land roughly one-kilometer square. The castle grounds (Osaka-jo koen)
which cover approximately 60,000 square meters (15 acres) contain thirteen structures which have been
designated as “Important Cultural Assets”.
Regardless of what angle you view the castle – high-up, ground-level, from a train – Osaka-jo is a truly magnificent structure. But don’t just come and view the castle, take the time to wander the park. If you are fortunate to be in the area during “Cherry Blossom” viewing (April/May), you will be in for a treat. The Sakura are a sight to behold and the locals take great delight in celebrating the occasion with a picnic under the blooms.

The Castle is open from 9am to 5pm and admittance is 600-yen.

There are many ways to get to Osaka-jo koen. If you are coming-into town from Kyoto, via the “Keihan Main Line”, alight the train at Keihan Temmabashi Station and from there it is a 10-minute walk, or via the “J.R. Osaka Loop Line” Osakajo Koen Station. But, as I invite you to visit the “Osaka Museum of History” first, you will need to take the “Subway Tanamachi or Chuo Lines” and alight at Tanimachi 4-chome Station, exiting at gate-9.

Any time of year, is a good time to visit Osaka-jo, so dress accordingly.
You can purchase food in the Castle grounds, but pop-into a store first for a better selection.

เที่ยวญี่ปุ่นไปกับเรา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น