วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

สภาพอากาศของญี่ปุ่น


ฤดูกาลในญี่ปุ่น
ภูมิอากาศ
     

ฤดูกาลในญี่ปุ่นมี 4 ฤดู คือเริ่มจาก ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งแต่ ละฤดูก็มีความสวยงาม ความน่ารักอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละฤดู ไม่ว่าท่าน จะได้ ไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงใดก็ตาม ญี่ปุ่นจะสร้างความประทับใจให้ท่านเสมอ


ฤดูใบไม้ผลิ
     เริ่มต้นใน เดือนมีนาคมเรื่อยไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาแห่งความสดชื่น เนื่องมาจากการเบิกบานของดอกไม้เริ่มผลิแย้ม ใบไม้สีเขียวขจีแตกยอดชูไสว ลมเอื่อย ๆ เริ่มพัดพาเอากลิ่นไอ แห่ง ธรรมชาติ สีสรรแห่งชีวิตเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นฤดูที่น่าเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะ ช่วง เดือนเมษายน อันเป็นเดือนที่ดอกซากุระบานสะพรั่งทุกแห่งหน จะถูกปกคลุมไปด้วย สีชมพู และขาว ชาวญี่ปุ่นจะพากันเอาเสื่อมาปูใต้ต้นซากุระ และจิบสาเก พลางชื่นชม ความงาม ของซากุระ เป็นภาพที่ติดตรึง อยู่ในความทรงจำและประทับใจตลอดไป แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ซากุระนี้จะบานอยู่เพียง 1-2 สัปดาห์ ที่อุณหภูมิ 12-16 องศาเซลเซียส
ซากุระ ซากุระ

ฤดูร้อน
     เริ่มตั้งแต่ เดือนมิถุนายน – สิงหาคม ฤดูร้อนในญี่ปุ่นเริ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งก่อนหน้านี้จะฝนตกอยู่ประมาณ 5 อาทิตย์ ทำให้ ซากุระร่วงหมด แต่จะกลายเป็นการเริ่มต้นแห่งฤดูปลูกข้าวของชาวนา อากาศ จะเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ฤดูนี้จะเป็นฤดูแห่งความสนุกสนาน เพราะเป็นช่วง ที่มีเทศกาลประจำปี ต่างๆ มากมาย นับเป็นฤดูที่ น่าท่องเที่ยว มากไม่แพ้ฤดูใบไม้ผลิ
ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น

ฤดูใบไม้ร่วง
     เริ่มตั้งแต่ เดือนกันยาย -พฤศจิกายน ดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นจะเริ่มในราวเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีอากาศดี เพราะหลังจากฤดูร้อนผ่านพ้นไป ลมเย็น ๆ ก็พัดมาแทนที่ พฤกษา นานาพันธุ์ เริ่มผลัดสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม เหลือง แล้วก็พากันร่วงหล่นลงดิน เหลือแต่กิ่งก้านโบกไหวไปตามลมรอวันที่ลมหนาวพัดมาเยือนอย่างท้าทาย ในฤดูนี้นับว่าเป็นฤดูที่มีสีสันมากที่สุดอุณหภูมิประมาณ 14-18 องศาเซลเซียส
ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น

ฤดูหนาว
     เริ่มตั้งแต่ ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ฤดูหนาวของญี่ปุ่นเริ่มต้นในราวเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงฤดูกาล ที่หนาวเย็น ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะ ในทาง ภาคเหนือ น้ำในแม่น้ำลำคลอง และทะเลสาบ บางแห่งจะกลายเป็นน้ำแข็ง ในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิเฉลี่ย ประมาณ 1-8 องศาเซลเซียส
หิมะญี่ปุุ่น หิมะญี่ปุุ่น



เที่ยวญี่ปุ่นไปกับเรา

เทศกาลและวันสำคัญของญี่ปุ่น


วันสำคัญของญี่ปุ่น

เทศกาลในฤดูต่างๆของญี่ปุ่น

      งานเทศกาลต่างๆ ของญี่ปุ่น เป็นโอกาสที่ผู้คนได้พบปะครั้งสำคัญในทุกภูมิภาคตลอดทั้ง 4 ฤดู ในแต่ละปีการฉลองเทศกาลต่างๆเผยให้เห็นความนึกคิดของชาวญี่ปุ่นซึ่งต้นกำเนิดของงานเทศกาลจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ที่เตือนความทรงจำให้นึกถึงค่านิยมที่ยึดถือกันมานาน เช่น งานเทศกาล โอ-บง ในฤดูร้อน ผู้คนจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดและเคารพบรรพบุรุษ
      งานฉลองปีใหม่ในฤดูหนาว งานชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ และเทศกาลชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ทั้งหมดล้วนเป็นเทศกาลที่แสดงให้เห็นถึงความรักและชื่นชมในธรรมชาติของชาวญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน  เทศกาลต่างๆ มีขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้ง 4 ซึ่งนำความบันเทิงมาสู่ชุมชนในทุกภาค ตลอดปี มีรายละเอียดดังต่อไปนี้คือ
ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-พ.ค.)ฤดูแห่งดอกไม้บาน
      จากวันแรกในต้นมีนาคมที่ดอกเหมยบานกระทั่งวันสุดท้ายของพฤษภาคมเมื่อดอกซากุระทาง ตอนเหนือโรย ถือเป็นช่วงเวลาอันสดใสของธรรมชาติที่งดงาม จึงทำให้มีการฉลองเทศกาล ท่ามกลางธรรมชาติทั่วญี่ปุ่น
เทศกาลในฤดูใบไม้ผลิ
3 มีนาคมเทศกาลฮินะ มัตสุริ ( Hina Matsuri ) เป็นเทศกาลฉลองวันเด็กหญิงโดยการตกแต่ง ตุ๊กตาญี่ปุ่นหลายหลากบนชั้นในบ้าน
13 มีนาคมเทศกาลคะซูกะ ของเจ้าคะซูกะในเมืองนารา จัดให้มีการฟ้อนรำคลาสสิคที่เก่าแก่กว่า 1000 ปี บนเวที
กลางมีนาคม( 15 วัน ) มีการแข่งซูโม่ ครั้งที่ 2 ในโอซาก้า
1-30 เมษายนระบำมิยะโก หรือ ระบำซากุระที่แสดงโดย นักแสดงที่ญี่ปุ่น ” ไมโกะ ” ในเกียวโต
8 เมษายนเทศกาลถวายดอกไม้ ( Hana Matsuri ) ตามวัดพุทธต่าง ๆ เพื่อระลึกถึงวันประสูติของ พระพุทธเจ้า
14-15 เมษายนเทศกาลทะคะยะมะ ( Takayama Matsuri ) ของศาลเจ้าฮิเอะในเมืองทะคะยะมะ พร้อง ขบวนรถแห่ศาล เจ้าอันตระการตา
16-17 เมษายนเทศกาลยะโยอิ ( Yayoi Matsuri ) ที่ศาลเจ้าฟุตะระซัน ในเมืองนิกโก้ มีขบวนแห่ตกแต่ง สวยงาม
3-4 พฤษภาคมเทศกาลฮะคะตะ โดนทะคุ ( Hakata Dontaku ) ในเมืองฟุคุโอกะ มีขบวนแห่บนหลังม้า ของเทพเจ้าในตำนานญี่ปุ่น
3-5 พฤษภาคมเทศกาลเล่นว่าว ที่เมืองฮะมะมัตสึ เป็นสนามว่าวที่มีผู้เข้าแข่งขันว่าวขนาดใหญ่ พยายามจะตัดเชือกของฝ่ายตรงข้าม
5 พฤษภาคมเทศกาลฉลองเด็กชาย มีการประดับธง ปลาคาร์พหลากสีตามจำนวนลูกชายแต่ละบ้าน ซึ่งโบกสะบัดโต้ลมฤดูใบไม้ผลิอย่างสง่ามงามมาก
11 พฤษภาคมเทศกาลจับปลาโดยนกกาน้ำ บนแม่น้ำนะงะระในกิฟุ ( กระทั่ง 15 ตุลาคม )
15 พฤษภาคมเทศกาลอะโออิ ( Aoi Matsuri ) ที่เกียวโตมีขบวนแห่ซามูไรโบราณ กลางพฤษภาคม ( 15 วัน ) มีการแข่งซูโม่ครั้งที่ 3 ในโตเกียว
17-18 พฤษภาคมเทศกาลศาลเจ้าโทโซงู ในเมืองนิโก้ มีขบวนแห่ นักรบกว่า 1000 คน
วันอาทิตย์ที่ 3ของ พ.ค. เทศกาลชมเรือ ( Mifune Matsuri ) บนแม่น้ำโออิ ในเกียวโตมีแห่ขบวนเรือโบราณ
วันอาทิตย์ที่ 2 ของ พ.คเทศกาลแห่ศาลเจ้า ( Sanja Matsuri ) ของศาลเจ้าอะซะกุซะ มีการแห่ศาลเจ้าใหญ่ ๆ 3 ศาล อีกทั้งย่อย ๆ อีกร้อยกว่าศาล

ฤดูร้อน ( มิถุนายน – สิงหาคม ) เป็นเวลาของการเที่ยวเล่นในแดนธรรมชาติ
      ฤดูร้อนเป็นฤดูที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์พร้อมความเขียวขจีทั่วประเทศในเขียวของซากุระ เมเปิ้ล โอ๊คในป่าเขาที่ตัดกับสีเขียวเข้มของต้นสน และต้นไผ่ ที่โอนอ่อนตามสายลม
ฤดูร้อนเป็นฤดูกาลแห่งดอกไม้ไฟ เกือบทุกคืนชุมชนเมืองต่าง ๆ จะมีการจุดดอกไม้ไฟอย่างมีสีสรรและชีวิตชีวา และระบำพื้นเมือง ” Bon Odori ” เป็นจุดนัดพบของชาวชนบทตามท้องถิ่นของเพื่อนและผู้มาเยือนเทศกาลฤดูร้อนทั่วญี่ปุ่น
เทศกาลในฤดูร้อน
กลาง มิ.ย.เทศกาลซันโน ( Sanno Matsuri ) ที่ศาลเจ้าฮิเอะ ในโตเกียวมีการแห่ศาลเจ้าผ่านถนนที่ จอแจในเขตอะซะกุซะ
เสาร์ที่ 2 ของมิ.ย.เทศกาลม้า ( Chagu-chagu Umakko Horse Festival ) ในเมืองโมริโอกะ ซึ่งมีแห่ขบวน ม้าประดับอย่าง มีสีสรร
7 ก.ค.เทศกาลดวงดาว ( Tanabata Festival ) ทั่วญี่ปุ่นที่เมืองเซนไดมีการประดับโคมกระดาษ หลากสีสวยงาม แขวนบนลำไม้ไผ่มีชื่อเสียงที่สุด
กลาง ก.ค.( 15 วัน ) มีการแข่งซูโม่ ครั้งที่ 4 ที่นาโงย่า
13-15 ก.ค.เทศกาล ( Bon Festival ) ทั่วประเทศ พิธีทางศาสนานี้เพื่อระลึกถึงดวงวิญญาณที่ล่วง ลับ ระบำโบราณ Bon Odori จัดขึ้นเพื่อดวงวิญญาณเหล่านั้น
14 ก.ค.เทศกาลไฟ ( Fire Festival ) ที่ศาลเจ้านาจิคะจึระ มีการแบก 12 คบเพลิงใหญ่ โดยนัก บวชในชุดขาว
1-15 ก.ค.เทศกาลฮะคะตะ กิออน ยะมะงะซะ ในฟุคุโอกะ มีการแห่ขบวนรถใหญ่ในวันที่ 15
16-17 ก.ค.เทศกาลกิออน เป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในเกียวโต ย้อนยุคไปใน ศตวรรษที่ 9 จะมี ขบวนแห่ชุดแต่งกายโบราณผ่านถนนสายหลัก
ก.ค. หรือ ส.ค.เทศกาลดนตรี ของ ศาลเจ้า Itsukushima ใกล้เมืองฮิโรชิม่า มีระบำ และดนตรี ราชสำนักแสดง
14-25 ก.ค.เทศกาลเทนยิน ของศาลเจ้าเทนมันงูใน โอซาก้า มีขบวนแห่ศาลเจ้าบนเรือเหนือ ลำน้ำโดจิมะ
1-7 ส.ค.เทศกาลเนบุตะ ในเมืองอะโอโมริ ( 2-7 สิงหาคม ) เมืองฮิโรซากิ ( 1-7 สิงหาคม ) มีขบวนแหโครงหุ่นประดับไฟ
3-6 ส.ค.เทศกาลโคมไฟ ที่เมืองอะคิตะ มีขบวนแห่แผงโคมไฟแขวนบนไม้ไผ่
5-7 ส.ค.เทศกาลฮะนะงะซะ ในเมืองยะมะงะตะ มีขบวนฟ้อนรำของชาวเมือง เป็น 10000 ในชุดหมวกฟางติดดอกไม้เทียม
12-15 ส.ค.เทศกาลระบำอะว่า ที่เมืองโตคุชิมะ มีการร้องรำทั้งกลางวันกลางคืน
16 ส.ค.เทศกาลไดมอนหยิ เป็นเทศกาลเพื่อส่งดวงวิญญานผู้ล่วงลับซิ่งจัด บนเนินเขาซึ่ง เห็นได้จากเมืองเกียวโต

ฤดูใบไม้ร่วง ( กันยายน – พฤศจิกายน ) เป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวและใบ้ไม้เปลี่ยนสี
      เมื่อเข้าสู่ฤดูใบ้ไม้ร่วงในเดือนกันยายน และตุลาคมเป็นเดือนที่น่าเพลิดเพลินกับความเย็นส่บายในฤดูนี้ นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงแห่งสีสรรเป็นสีทองสีบรอนซ์และสีเหลือง แต่งเติมขุนเขาราวกับสีสรรแห่งพรม ฤดูเก็บเกี่ยวในชนบททุ่งนาเปลี่ยนเป็นสีทอง เวลาแห่งเทศกาลและกีฬาได้มาบรรจบกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมทั่วประเทศ งานเทศกาลดอกเบญจมาศซึ่งแสดงอยู่ทั่วประเทศเป็นสัญลักษณ์
เทศกาลในฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูใบไม้ร่วง 
16 ก.ยเทศกาลขี่ม้ายิงธนู ที่ศาลเจ้าทซิรุหงะโอกะ ฮะจิมังงู ในเมืองคะมะคุระ
กลาง ก.ย.(15 วัน ) แข่งซุโม่ครั้งที่ 5 ในโตเกียว
7 – 9 ต.ค.เทศกาลคุนจิ ของศาลเจ้าซูวะในเมืองนางาซะกิ มีระบำมังกรจีนดั้งเดิม
9 – 10 ต.ค.เทศกาลทะคะยะมะ แห่งศาลเจ้าฮาจิมังงุ ซึ่งมีขบวนรถสีสรรต่าง ๆ
กลาง ต.ค.เทศกาลนาโงย่า มีขบวนพาเหรดซามูไรตามถนนในเมือง
กลาง ต.ค. และ พ.ย.เทศกาลดอกเบญจมาศที่ศาลเจ้าเมหยิ และวัดอะซะคุซะในโตเกียว
17 ต.ค.เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง ของศาลเจ้าโทโซหงุ ในเมืองนิกโก้ มีขบวนพาเหรด นักรบ โบราณใส่ชุดเสื้อเกราะ
22 ต.ค.เทศกาลยุคสมัย เป็นเทศกาลของศาลเจ้าเฮอันในเกียวโตซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 เทศกาล ใหญ่ของเกียวโต
2 – 4 พ.ย.เทศกาลโอคุนจิ ของศาลเจ้าคะระทจึในซะหงะซึ่งมีขบวนพาเหรดที่มีสีสรร
3 พ.ย.ขบวนแห่ซามูไร ในเมืองฮาโกเน่ กลาง พ.ย. ( 15 วัน ) แข่งซูโม่ครั้งที่ 6 ในเมืองฟุคุโอกะ
15 พ.ย.เทศกาลเจ็ดห้าสาม สำหรับเด็กอายุ 3,5,7 ปี ไปศาลเจ้าเพื่อขอพรจากเทพเจ้า ให้มีสุขภาพดี

ฤดูหนาว ( ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ) เป็นฤดูแห่งการเพลิดเพลินกับหิมะ
      ฤดูหนาวในญี่ปุ่นไม่ค่อยรุนแรงยกเว้นทางเหนือสุด อุณหภูมิโดยปกติจะอบอุ่นด้วยแสงอาทิตย์และฟ้าสีคราม
อีกด้านหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเทศกาลต่าง ๆ จะเกี่ยวพันกับหิมะและน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินกับหิมะ และรูปแกะสลักและมีส่วนร่วมในประเพณีท้องถิ่นตามฤดูนั้น เทศกาลงานต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่นถูกจัดขึ้นต่อเนื่องกับเทศกาลปีใหม่อันเป็นวันที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวญี่ปุ่น
เทศกาลในฤดูหนาว
15 – 18 ธ.ค.เทศกาล อ็อง มัตสุริ ของศาลเจ้าคะซูกะใน เมืองนารา
17 – 19 ธ.ค.เทศกาลโทริ-โน๊ะ-อิจิ วัดอะซะคุซะคันนอนในโตเกียว
31 ธ. ค.เทศกาลไหว้พระ ที่ศาลเจ้ายะซะกะในเกี่ยวโต
1 – 3 ธ.ค.เทศกาลปีใหม่ ร้านค้าโรงงานธุระกิจต่าง ๆ จะฉลองด้วยอาหารมื้อพิเศษแต่ง ชุดกิโมโนที่สวยที่สุดและเยือนวัดหรือศาลเจ้า เพื่อไหว้พระขอพรให้มีสุขภาพดี และมีความสุขตลอดปี
6 ม.ค.ขบวนสาธิตการดับเพลิงในโตเกียว
กลาง ม.ค.( 15 วัน ) การแข่งขันซูโม่ ครั้งที่ 1 ในโตเกียว
ก่อนวันบรรลุนิติภาวะเทศกาลเผาหญ้า บนเขา ในเมืองนารา
ต้น ก.พ. ( 7 วัน )เทศกาลหิมะ ในเมืองซัปโปโรบนเกาะฮ็อกไกโด ที่มีชื่อที่สุดในญี่ปุ่น มีรูปแกะ สลักหิมะและน้ำแข็งอันมหึมาต่าง ๆ มากมาย
ต้น-กลาง ก.พ.เทศกาลหิมะ ที่อะซะฮิคะวะ อะบะชิริและเมืองอื่น ๆ ในฮ็อกไกโด
3 – 4 ก.พ.เทศกาลปัดรังควาน เป็นพิธีไล่สิ่งอัปมงคลทำกันตามวัดใหญ่ทั่วประเทศ
3 – 4 ก.พ.เทศกาลแห่งโคม ของศาลเจ้าคะซุกะ ในเมืองนารา 15 – 16 ก.พ. เทศกาลกระท่อมหิมะ ของเมืองโยโคเทะในอะคิตะ
วันเสาร์ที่ 3 ของ ก.พ.เทศกาลเปลือย ที่วัดไซไดหยิในเมืองโอคะยะมะ



เที่ยวญี่ปุ่นไปกับเรา

อาหารญี่ปุ่น

อาหารญี่ปุ่น

อาหารญี่ปุ่นมีมากมายหลายอย่าง และทำอย่างพิถีพิถัน อาทิ ซูชิ ยาคินิขุ สุกี้ ชาบู ซาซิมิ ซุปมิโสะ ราเม็ง


ซูชิหรือข้าวปั้น
มีหน้านั้น เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและทานคู่กับปลา เนื้อหรือของคาวชนิดต่างๆและในประเทศญี่ปุ่นนั้นซูชิมักมีความหมายถึงอาหาร ที่มีส่วนผสมของ ซูชิเมะชิหรือข้าวที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและมีหน้าแบบต่างๆ ที่ได้รับความนิยมได้แก่ อาหารทะเล ปลา ผัก ไข่และเห็ดซึ่งเนื้อที่นำมาทำนั้นอาจจะเป็นเนื้อดิบหรือเนื้อที่ผ่าน กรรมวิธีการทำแล้วสำรับประเทศอื่น
ซูชิหรือข้าวปั้น ซูชิ

ราเม็ง
เป็นบะหมี่น้ำของญี่ปุ่นซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ราเม็งมักจะทานคู่กับเนื้อหมู สาหร่าย คะมะโบโกะ ต้นหอม และบางครั้งอาจมีข้าวโพด ราเม็งนั้นมีการปรุงที่แตกต่างกันไปตามแต่ละจังหวัดในญี่ปุ่น เช้นในคิวชู ต้นกำเนิดของทงโคะสึราเม็ง (ราเม็งซุปกระดูกหมู) ในฮอกไกโดต้นกำเนิดของมิโซะราเม็ง(ราเม็งซุปเต้าเจี้ยว)
ราเม็ง ราเม็ง

บะหมี่ญี่ปุ่น (โซบะ)
คนญี่ปุ่นนิยม ทานโซบะกันมากที่สุดคือกินได้ตลอดปี ทุกฤดูกาล โซบะทำมาจากบักวีต มีเส้นสีน้ำตาลบาง สามารถปรุงได้ทั้งร้อนทั้งเย็นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้ากินแบบเย็นเรียกว่า(Hiyamugi)หรือ บะหมี่เย็น โดยใช้ส่วนผสมอย่างเดียวกับอุด้ง โซบะแบบเย็นจะถูกเสิร์ฟพร้อมวาซาบิ หอมหัวใหญ่ผ่านผสมลงไปในน้ำจิ้มที่ทำจากมิริน(Mirin)หรือ สาเกหวานเสิร์ฟบนเซรุหรือถาดไม้ไผ่ที่ญี่ปุ่นจะมีธรรมเนียมการกินเส้นโซบะใน ช่วงคืนส่งท้ายปีเก่า 31ธันวาคมซึ่งมีความหมายให้ชีวิตที่ยืนยาวดังเช่นโซบะ
โซบะ โซบะ

ข้าวหน้าปลาไหล อุนาจู ( Unaju)
เป็นปลาไหลย่างแบบคาบายากิ ( Kabayaki) คือทาซอสแล้วย่างบนเตา วางบนข้าวในกล่องลงรักรูปสี่เหลี่ยมส่วนข้าวหน้าปลาไหลหรืออุนางิ ( Unagi) เป็นอาหารยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน อุดมไปด้วยวิตามินอีและเอ มีธปรตีนสูงแต่แคลอรี่ต่ำ โดยปกติแล้ว อุนางิจะเสิร์ฟมาพร้อมกัยซอสหวานทาเระ (Tare) ปลาไหลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น ต้องจากจังหวัดชิซุโอะกะ เพราะมีเนื้อหนากระดูกอ่อนนุ่ม รสชาติ อร่อย
ข้าวหน้าปลาไหลd ข้าวหน้าปลาไหล

ดังโงะ (Dango)
ที่ญี่ปุ่นนั้นมีเป็นสิบสูตร แต่ที่หน้าตาเหมือนลูกชิ้นเสียบไม้ที่บ้านเราเห็น กันเรียกว่า คุชิ ดังโกะ ทำจากแป้งโมจิ บางครั้งก็ผสมเต้าหู้ลงไปในแป้งด้วย ปั้นเป็นลูกกลม เสียบไม้แล้วนำไปปิ้ง ได้ลูกชิ้นแป้งนุ่มๆเหนียวๆราดซอสโชยุ ซอสเต้าเจี้ยว หรือเกาลัดบดหรือบางครั้งจะโรยด้วยถั่วบดกับน้ำตาลทรายแดง
ดังโงะ ดังโงะ

KaisekiRyori – ไคเซกิ เรียวริ
เป็นชุดอาหารที่เป็นหน้าเป็นตาที่สุดของชาวญี่ปุ่น และเป็นการสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติ ตั้งต้นจากการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ ประจำฤดูกาล มาปรุงแต่งให้เป็นสุดยอดชุดอาหาร Kaiseki Ryori (ไคเซกิเรียวริ) เป็นอาหารที่ใช้ศิลปะชั้นสูงในการประดิษฐ์หรือตกแต่งอาหารภายใต้กฎที่เคร่งครัดอาหารที่ทำขึ้นมาจะต้องเป็นเมนูเด่นของฤดูกาลนั้นๆ และจะต้องดึงดูดสายตาของผู้คนที่ได้พบเห็นนับว่าเป็นที่สุดของอาหารประจำชาติญี่ปุ่นเลยทีเดียว
KaisekiRyori KaisekiRyori

Sukiyaki – สุกียากี้
เป็นอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายซุปปรุงอาหารและรับประทานกันบนโต๊ะ โดยมีส่วนประกอบได้แก่ ผัก เห็ด ไข่ เต้าหู้ น้ำซุป และเนื้อสัตว์ซึ่งอาจจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู หรืออาหารทะเล ใส่วัตถุดิบลงในหม้อเหล็กแบบแบนต้มรวมกันแล้วปิดฝาแล้วรอให้สุก จิ้มเนื้อกับไข่ดิบ สุกียากี้เป็นอาหารที่รับประทานพร้อมกันได้หลายคน สุกียากี้ต้มกับเหล้าหวานกับซอส ไม่ใช่น้ำ
sukiyaki สุกี้

Tempura – เทมปุระ อาหารชุบแป้งทอด
ซึ่งวัตถุดิบที่นิยมใช้ชุบแป้งทอดคือ กุ้ง ปลาหรืออาหารทะเลตามฤดูกาล และผักต่างๆ โดยนำวัตถุดิบดังกล่าว ชุบไข่ คลุกด้วยแป้ง และเกล็ดขนมปัง
กุ้งเทมปุระ กุ้งเทมปุระ

Okonomiyaki
Okonomiyaki เป็นที่นิยมอาหารกระทะทอดที่ประกอบด้วยแป้งและกะหล่ำปลี เลือกรสชาติและส่วนผสมได้มันจะประกอบด้วยแป้งสุกที่เหล็ก,ปลาหมึก, กุ้ง, หมูมันเทศหรือกิมจิ
Okonomiyaki Okonomiyaki

Yakiniku ยาคินิขุ
หรือการย่างเนื้อของญี่ปุ่น การย่างเนื้อนั้นจะย่างบนตระแกงย่างที่ได้รับความร้อนจากไฟที่เป็นถ่านโดยตรง จะได้กลิ่นหอมจากถ่านและเคล็ดลับการย่างคือไม่ควรให้สุกจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อเหนียว และควรพลิกแค่ครั้งเดียว
yakiniku yakiniku1

ชาบู ชาบู
ถือกำเนิดที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยคุณสุเอฮิโร่ เมื่อปีค.ศ.1952 ดัดแปลงมาจากหม้อไฟของปักกิ่ง ประเทศ จีนซึ่งใช้เนื้อแกะชาบูชาบู เป็นอาหารสุขภาพของญี่ปุ่นโดยใช้เนื้อ(วัว, หมู, ไก่, ปลา,…) นำมาแล่บางๆแล้วนำลงไปแกว่งในน้ำซุปร้อนๆให้พอสุกได้ที่แล้วจิ้มน้ำจิ้มกินน้ำจิ้มชาบูชาบูมี 2 ชนิดคือ น้ำจิ้มปอนซึ จะออกรสเค็มอมเปรี้ยว และน้ำจิ้มงา ออกรสหอมนุ่ม
shabu shabu1



เที่ยวญี่ปุ่นไปกับเรา

ศาสนาในญี่ปุ่น

ศาสนาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น

ศาสนาในญี่ปุ่น


      ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใจกว้างในเรื่องศาสนา ชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันไม่ได้ยึดติดกับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ไม่แปลกเลยที่คู่สมรสซึ่งเพิ่งแต่งงานใหม่ จะทำพิธีบอกกล่าวบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วที่หิ้งบูชา ตามแบบของชาวพุทธ แต่ทำพิธีแต่งงานตามแบบชาวคริสต์ และไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าชินโต ในระหว่างการไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ไม่แปลกอะไรที่คนญี่ปุ่นจะพาลูกสาวอายุ 3 ขวบ ลูกชายอายุ 5 ขวบและลูกสาวอายุ 7 ขวบไปที่วัดชินโต ทำพิธีชิจิ-โกะ-ซัน เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง แต่จัดงานศพในวัดพุทธ หรือร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสอย่างสนุกสนานพิธีกรรมหรือประเพณีต่าง ๆ ทางศาสนานั้น ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในชีวิตประจำวัน มากกว่าความหมายทางศาสนา ซึ่งคนญี่ปุ่นก็สามารถปฏิบัติตามประเพณีต่าง ๆ ของศาสนาที่แตกต่างกันได้ โดยไม่มีความรู้สึกขัดแย้งแต่อย่างใด นอกจากนั้น ศาสนาชินโต ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของญี่ปุ่น ไม่กีดกันหรือใจแคบกับศาสนาอื่น และการนำพุทธศาสนา ลัทธิขงจื้อ และคริสตศาสนานิกายคาธอลิค เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 17 ก็สร้างความบาดหมาง ระหว่างผู้ที่นับถือศาสนาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในประวัติศาสตร์ทางศาสนาของญี่ปุ่นนั้น มีการสู้รบกันเพราะสาเหตุทางศาสนาค่อนข้างน้อยครั้ง ลักษณะอีกสองประการของศาสนาในญี่ปุ่นคือ ยินยอมให้ผู้ที่นับถือศาสนาที่ต่างกันแต่งงานกันได้ และไม่สอนศาสนาในโรงเรียนโดยทั่วไป
วัดญี่ปุ้น วัดญี่ปุ่น พระญี่ปุ่น

      จากการสำรวจพบว่าคนญี่ปุ่นร้อยละ 51.8 ระบุว่าตนไม่มีศาสนา ศาสนาในญี่ปุ่นถูกผสมผสานจนทำให้พิธีกรรมทางศาสนานั้นมีความหลากหลาย เช่นพ่อแม่พาลูกไปศาลเจ้าชินโตเพื่อทำพิธีชิจิ-โกะ-ซัน แต่งงานในโบสถ์คริสต์และฉลองในวันคริสต์มาส จัดงานศพแบบพุทธ และบูชาบรรพบุรุษแบบขงจื๊อ นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นพุทธศตววรษที่ 25 มีลัทธิต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายเช่นลัทธิเทนริเกียว และลัทธิโอมชินริเกียว
ศาสนาชินโต 
ศาสนาชินโตเป็นศาสนาที่เก่าแก่หรือเกิดมาพร้อมกับชาวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ คำว่า “ชินโต” หมายถึงวิถีของพระเจ้า ศาสนาชินโตมีความเชื่อที่ว่าวัตถุทุกอย่างในธรรมชาติและปรากฎการณ์ต่าง ๆ มีวิญญาณหรือเทพเจ้าสิงสถิตอยู่ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นความเชื่อแบบลัทธิภูติผี ผสมผสานกับการบูชาบรรพบุรุษตามความเชื่อในศาสนาพุทธ คำสั่งสอนในศาสนาชินโต นอกจากจะให้เคารพบรรพบุรุษแล้ว ก็ยังสอนให้เด็กรู้จักนบนอบต่อผู้ใหญ่ คนหนุ่มต้องเคารพนบน้อมต่อผู้สูงอายุ ผู้หญิงต้องเคารพผู้ชายซึ่งได้กลายมาเป็นระเบียบประเพณีที่ภรรยาต้องอยู่ในอำนาจของสามี การที่ชาวญี่ปุ่นโค้งให้กันอย่างอ่อนน้อมหลายครั้งนั้น ก็เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความสุภาพอ่อนน้อม ซึ่งเป็นผลมาจากศาสนาชินโตนี่เอง
ศาสนาพุทธ
      พุทธศาสนา เผยแผ่สู่ประเทศญี่ปุ่นโดยผ่านประเทศจีนและเกาหลี ในประมาณกลางศตวรรษที่ 6 ในช่วงที่ศาสนาพุทธนิกายมหายานมาถึงญี่ปุ่น คำสอนของพระพุทธเจ้าก็ถูกปรับเปลี่ยนไปมากแล้ว และยิ่งเปลี่ยนแปลงมากขึ้นไปอีกเมื่อต้องเผชิญ กับความเชื่อดั้งเดิมที่คนญี่ปุ่นนับถือกันอยู่ อย่างไรก็ตาม พุทธศาสนาได้ส่งอิทธิพลอย่างมากมายต่อญี่ปุ่นในเวลาต่อมา ในปัจจุบันศาสนาพุทธในญี่ปุ่นแตกออกเป็น 56 นิกายใหญ่และอีก 170 นิกายย่อย ในวัดพุทธมีพระพุทธรูป( บุทสึโซ ) ผู้คนที่มาวัดจะจุดธูปบูชาเบื้องหน้าพระพุทธรูป ครอบครัวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยตั้งแท่นบูชาพระและแท่นบูชาบรรพบุรุษไว้ในบ้าน ปีใหม่ก็ยังคงนิยมไปไหว้ขอพรที่วัดศาสนาพุทธกันอย่างเนืองแน่น
ศาสนาคริสต์ศาสนาคริสต์เผยแผ่มายังญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1549 โดยกลุ่มมิชชันนารี นิกายคาทอลิก เนื่องจากบรรดาไดเมียวเจ้าผู้ครองแคว้นเห็นแก่ผลประโยชน์จากการค้าขายกับต่างประเทศ ที่จะได้รับเข้ามาพร้อม ๆ กับบาทหลวง จึงให้การต้อนรับพวกมิชชันนารีเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนาคริสต์ไม่มากเท่าใดนัก แต่ศาสนาคริสต์มีบทบาทในด้านการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาของสตรีและการศึกษาในระดับมัธยม ในปัจจุบันมีโรงเรียนคริสต์ราว 800 โรงเรียน มากกว่าโรงเรียนของศาสนาอื่น ๆ
วัฒนธรรม
      ญี่ปุ่นมีวิวัฒนาการมายาวนานตั้งแต่วัฒนธรรมยุคโจมงซึ่งเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศ จนถึงวัฒนธรรมผสมผสานร่วมสมัยซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่นมีทั้งงานฝีมือ เช่น อิเกะบะนะ (การจัดดอกไม้) โอะริงะมิ อุกิโยะ-เอะ ตุ๊กตา เครื่องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผา การแสดง เช่น คะบุกิ โน บุนระกุ ระกุโงะ และประเพณีต่าง ๆ เช่น การละเล่น พิธีชงชา ศิลปการต่อสู้ สถาปัตยกรรม การจัดสวน ดาบ และอาหาร การผสมผสานระหว่างภาพพิมพ์กับศิลปะตะวันตก นำไปสู่การสร้างสรรค์มังงะหรือหนังสือการ์ตูนของญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมทั้งในและนอกญี่ปุ่นแอนิเมชันที่ได้รับอิทธิพลมาจากมังงะเรียกว่า อะนิเมะ วงการเกมคอนโซลของญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรืองอย่างมากตั้งแต่ พ.ศ. 2523
ผู้หญิงญี่ปุ่น ซูโม่ ตุ๊กตาญี่ปุ่น
ดนตรี
      ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมข้างเคียงเช่นจีนและคาบสมุทรเกาหลี รวมทั้งจากโอะกินะวะและฮกไกโด ตั้งแต่โบราณ เครื่องดนตรีหลายชิ้น เช่น บิวะ โคะโตะ ถูกนำเข้ามาจากจีนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 และชะมิเซ็งเป็นเครื่องดนตรีที่ดัดแปลงจากเครื่องดนตรีโอะกินะวะซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่กลางพุทธศตวรรษที่ 21 ญี่ปุ่นมีเพลงพื้นบ้านมากมาย เช่นเพลงที่ร้องระหว่างการเต้นบงโอะโดะริ เพลงกล่อมเด็ก ดนตรีตะวันตกเริ่มเข้ามาในต้นพุทธศตวรรษที่ 25 และถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม หลังสงคราม ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทางด้านดนตรีสมัยใหม่จากอเมริกาและยุโรปเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดการพัฒนาแนวดนตรีที่เรียกว่า เจ-ป็อป ญี่ปุ่นมีนักดนตรีคลาสสิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายคน เช่น วาทยากร เซจิ โอะซะวะ นักไวโอลิน มิโดะริ โกะโต เมื่อถึงช่วงสิ้นปี จะมีการเล่นคอนเสิร์ตซิมโฟนีหมายเลข 9 ของเบโทเฟนทั่วไปในญี่ปุ่น

นักดนตรีญี่ปุ่น นักดนตรีญี่ปุ่น ดนตรีญี่ปุ่น
วรรณกรรม
      วรรณกรรมญี่ปุ่นชิ้นแรกได้แก่หนังสือประวัติศาสตร์ที่ชื่อ โคะจิกิ และ นิฮงโชะกิ และหนังสือบทกวีสมัยศตวรรษที่ 8 ที่ชื่อ มังโยชู ซึ่งเขียนด้วยภาษาจีนทั้งหมด ในช่วงต้นของยุคเฮอัง มีการสร้างระบบการเขียนแทนเสียงที่เรียกว่า คะนะ (ฮิระงะนะ และ คะตะคะนะ) นิทานคนตัดไม้ไผ่ ถูกพิจารณาว่าเป็นงานที่เก่าแก่ที่สุดที่เขียนด้วยภาษาญี่ปุ่น ตำนานเก็นจิ ที่เขียนโดยมุระซะกิ ชิกิบุมักถูกเรียกว่าเป็นวรรณกรรมชิ้นแรกของโลกระหว่างยุคเอโดะ วรรณกรรมไม่อยู่ในความสนใจของซามูไรเท่ากับ โชนิน ชนชั้นประชาชนทั่วไป ตัวอย่างเช่น โยะมิฮง กลายเป็นที่นิยมและเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งระหว่างนักอ่านกับนักเขียน ในสมัยเมจิ วรรณกรรมดั้งเดิมได้เสื่อมสลายลง ขณะที่วรรณกรรมญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากขึ้น โซเซะกิ นะสึเมะและโองะอิ โมริเป็นนักแต่งนิยายสมัยใหม่รุ่นแรกของญี่ปุ่น ตามมาด้วย ริวโนะซุเกะ อะคุตะกะวะ, ทะนิซะกิ จุนอิชิโระ, ยะซุนะริ คะวะบะตะ, มิชิมะ ยุกิโอะ และล่าสุด ฮะรุกิ มุระกะมิ ญี่ปุ่นมีนักเขียนที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม 2 คน ได้แก่ ยะซุนะริ คะวะบะตะ (พ.ศ. 2511) และ เค็นซะบุโร โอเอะ (พ.ศ. 2537)
วรรณกรรมญี่ปุ่น อักษรญี่ปุ่น ญี่ปุ่น


เที่ยวญี่ปุ่นไปกับเรา